




-Superior rectus
-Inferior rectus
-Anterior rectus
-Posterior rectus
-Superior obligue
-Inferior obligue
ระบบกล้ามเนื้อ
ระบบกล้ามเนื้อ (muscular system)กล้ามเนื้อเป็นส่วนประกอบโครงร่างของตัวปลา และจากการที่กล้ามเนื้อยึดติดกับกระดูกทำให้เกิดการทรงรูปร่างได้อย่างมั่นคง กล้ามเนื้อจะมีความสัมพันธ์กับโครงกระดูก โดยถ้าผ่าปลาออกตามก้าง จะพบจำนวนก้างเท่าๆ กับจำนวนมัดของกล้ามเนื้อ และกล้ามเนื้อในแต่ละบริเวณของปลาจะแตกต่างกัน เนื่องจากการมีครีบ สำหรับในปลาซึ่งปกติจะมีน้ำช่วยในการพยุงร่างกาย กล้ามเนื้อจึงไม่มีความสลับซับซ้อนเหมือนในสัตว์บก แต่ก็ยังมีต้นกำเนิดและโครงสร้างที่เหมือนกันโดยกำเนิดมาจากส่วนของ myotomeในคัพภะชื่อกล้ามเนื้อ
ชนิดของกล้ามเนื้อ
แบ่งออกได้ 3 ชนิด
1. กล้ามเนื้อเรียบ (smooth muscle) เป็นกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินอาหาร และอวัยวะภายในของปลา อยู่นอกอำนาจจิตใจ
2. กล้ามเนื้อลาย (striated muscle, skeletal muscle ) เป็นกล้ามเนื้อข้างลำตัวปลา ช่วยในการเคลื่อนไหว อยู่ภายในอำนาจจิตใจ(voluntary muscle)
3. กล้ามเนื้อหัวใจ (cardiacmuscle) ลักษณะค่อนข้างหนา สีแดงเข้ม อยู่นอกอำนาจจิตใจ
การแบ่งชนิดของกล้ามเนื้อโดยใช้ลักษณะการยึดเกาะแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ
1.Skeletal muscle คือกล้ามเนื้อที่ยึดเกาะติดกับกระดูกได้แก่ กล้ามเนื้อลาย
2.Non-skeleton muscle คือกล้ามเนื้อที่ไม่ยึดเกาะกับกระดูก ได้แก่ กล้ามเนื้อเรียบ และกล้ามเนื้อหัวใจ
กล้ามเนื้อส่วนหัว
-มีความสำคัญต่อการใช้ขากรรไกรช่วยในการกินอาหารและกระดูกอื่นๆ ที่ช่วยปิดเปิดกระพุ้งแก้มช่วยในการหายใจซึ่งมีอยู่หลายมัดด้วยกัน คือ
-Adductor mandibular เป็นมัดใหญ่อยู่ที่ขากรรไกล่าง ช่วยในการกัด แบ่งเป็นสองตอนคือ cephalic portion อยู่ที่แก้ม และ mandibular portion อยู่ที่ขากรรไกรล่าง ทำหน้าที่ปิดขากรรไกรLevator operculi อยู่หลัง dilator operculi มีหน้าที่หุบกระพุ้งแกม อยู่ที่มุม operculum
-Dilator operculi อยู่เหนือ adductor mandibularis ขึ้นไป ช่วยกางกระพุ้งแก้ม
-Adductor operculi อยู่ตอนบนของกระดูก opercle
กล้ามเนื้อข้างลำตัว
กล้ามเนื้อที่สำคัญที่สุดของตัวปลา คือ กล้ามเนื้อด้านข้างของตัวปลาและกล้ามเนื้อหาง ซึ่งช่วยในการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อปลาปกติจะมีสีขาวหรือชมพูอ่อน แต่ในปลาบางชนิด เช่น ปลาทูน่าที่ว่ายน้ำเร็ว กล้ามเนื้อบางส่วนจะมีสีแดงเข้ม กล้ามเนื้อในปลาแซลมอนก่อนฤดูผสมพันธุ์จะมีสีส้มแดง เนื่องจากมีไขมันอุดมสมบูรณ์ หลังจากออกไข่แล้วกล้ามเนื้อจะซีดและมีเนื้อเหลว (Watery) สำหรับรสชาติของเนื้อปลาที่แตกต่างกันนั้นเกิดจากส่วนประกอบทางเคมีในเนื้อปลาไม่เหมือนกันเมื่อลอกหนังปลาออก จะพบลักษณะของกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ กล้ามเนื้อข้างลำตัวของปลา แบ่งออกเป็น 2 ซีก คือ กล้ามเนื้อซีกบน (Epaxial muscle mass) แกล้ามเนื้อซีกล่าง (Hypaxial muscle mass) โดยมีเยื่อเกี่ยวพันที่อยู่ในแนวราบ (Horizontal skeletogenous septum) กั้นกลาง (ในปลาที่มี dorsal rib ก้างชนิดนี้จะอยู่ภายในเยื่อกั้นอันนี้ ) จากนั้นจะเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ มัดกล้ามเนื้อ (myomere) แต่ละมัดมีเส้นขาว ๆ ซึ่งเป็นเยื่อกั้นระหว่างมัด (myosepta) ถ้าตัดปลาออกตามขวางแล้วมองตรงไป จะเห็นเส้นขาว ๆ อยู่ตรงกลางระหว่างกล้ามเนื้อซีกซ้ายและขวา ซึ่งเป็นเยื่อแบ่งกล้ามเนื้อซีกซ้ายและซีกขวาออกจากกันเรียกเยื่อนี้ว่า linea alba กล้ามเนื้อที่มองเห็นดังที่กล่าวข้างต้นเป็นกล้ามเนื้อบนส่วนผิว (superficial fiber) ของปลา ลึกลงไปจากผิวนอกจะมีกล้ามเนื้ออีกชุดหนึ่งเป็นกล้ามเนื้อในส่วนลึก (deep fiber) ได้แก่ supracarinales ซึ่งเริ่มจากส่วนของกระดูก scapula ในกระดุกค้ำจุนครีบอกไปจนถึงครีบหาง เพื่อช่วยในการงอตัวทางด้านบน และ infracarinales เป็นกล้ามเนื้อตามยาวอยู่ทางซีกด้านล่างในแต่ละข้างของลำตัวซึ่งยาวจากคอถึงครีบหาง ใช้สำหรับงอตัวทางด้านล่างและช่วยการเคลื่อนไหวของครีบท้องและครีบก้น
การจัดเรียงตัวของมัดกล้ามเนื้อในปลาแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ลักษณะของกล้ามเนื้อในปลาโบราณที่สูญพันธุ์แล้ว(กลุ่ม Placoderm และ Ostracoderm) ไม่แบ่งเป็น 2 ตอน และไม่เป็นมัด แต่จะยาวตลอดลำตัวn1. กล้ามเนื้อครีบเดี่ยว ในปลากระดูกแข็งประกอบด้วยกล้ามเนื้อ 2 ชุด ที่ควบคุมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวชุดแรกเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ อยู่ที่ฐานของก้านครีบหลังและครีบก้น โดยเริ่มจากเยื่อเกี่ยวพันที่แต่ละข้างของครีบ และเลยมาทางส่วนท้ายแล้วเฉียงมาตรงกลางไปสิ้นสุดที่ก้านครีบ ได้แก่
· กล้ามเนื้อ Erector ทำหน้าที่ยกก้านครีบ
· กล้ามเนื้อ Depressor ทำหน้าที่หุบก้านครีบ
· กล้ามเนื้อ Inclination ทำหน้าที่ช่วยในการพับครีบกล้ามเนื้อชุดที่สองเป็นกล้ามเนื้อครีบหาง ซึ่งเปลี่ยนแปลงมาจากกล้ามเนื้อข้างลำตัว เพื่อควบคุมการกางและการหุบของครีบ ประกอบด้วยกล้ามเนื้อหลายมัด ได้แก่
· กล้ามเนื้อ Dorsal flexor เป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยในการกาง การโค้ง การยกและการงอครีบ
· กล้ามเนื้อ Ventral flexor เป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหุบครีบ
· กล้ามเนื้อ Interradialis เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ระหว่างก้านครีบจะช่วยในการกางและยืดครีบออกเหมือนพัด
กล้ามเนื้อครีบคู่อยู่บริเวณฐานครีบ ช่วยในการกางครีบและหุบครีบ แบ่งออกเป็น- กล้ามเนื้อครีบอก ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ 3 ชุด ได้แก่
-กล้ามเนื้อช่วยในการหุบครีบ (Adductor muscle) เริ่มต้นจากกระดูก scapula และกระดูก coracoid แล้วไปสิ้นสุดที่กระดุก radial ตรงฐานของครีบ
-กล้ามเนื้อช่วยในการกางครีบ (Abductor muscle) มีต้นกำเนิดตรงผิวส่วนกลางของกระดูก scapula และกระดูก coracoid แล้วไปสิ้นสุดที่ผิวตรงกลางของกระดูก radial
-กล้ามเนื้อที่ช่วยในการพัดโบกครีบ (Rotator muscle) เป็นเส้นกล้ามเนื้อที่ต่อระหว่างส่วนต้นและส่วนปลายของครีบ ซึ่งมักจะต่อเลยออกมาจากเส้นกล้ามเนื้อของ 2 ชนิดแรก
กล้ามเนื้อครีบท้องประกอบด้วยกล้ามเนื้อ 2 กลุ่ม ได้แก่กล้ามเนื้อที่ช่วยในการหุบครีบ (Adductor muscle) มีจุดเริ่มจากผิวกลางของกระดูกแผ่นครีบท้องและไปสิ้นสุดที่ผิวตรงกลางของกระดูก radial มีหน้าที่ในการหุบครีบ -กล้ามเนื้อที่ช่วยในการกางครีบ (Abductor muscle) มีจุดเริ่มที่ผิวด้านนอกของกระดูก แผ่นครีบท้องและไปสิ้นสุดที่ผิวด้านนอกของกระดูก radial มีหน้าที่ในการกางครีบ
กล้ามเนื้อตาเป็นกล้ามเนื้อที่ทำให้ตากรอกได้ มีอยู่ด้วยกัน 6 เส้น แบ่งเป็น 2 หมู่ หนึ่งดึงตรง (rectus muscles) และอีกหมู่หนึ่งดึงทะแยงมุม (oblique muscle)กล้ามเนื้อดึงตรงมี 4 เส้น ซึ่งที่เกิดอยู่ใกล้กับบริเวณก้นกระบอกตา ได้แก่
-Superior rectus เกาะบนหลังของลูกตา
-Inferior rectus เกาะทางด้านท้องของลูกตา
-Anterior rectus เกา-ะที่ทางหัวของลูกตา
-Posterior rectus เกาะที่ทางท้ายของลูกตากล้ามเนื้อดึงทะแยงมี 2 เส้น ที่เกาะของกล้ามเนื้อทั้งสองอยู่ใกล้กัน คือ อยู่ปลายด้านหัวของ
-Superior obligue เกาะด้านหลังของลูกตา
-Inferior obligue เกาะที่ด้านท้องของลูกตา

อวัยวะในระบบประสาทของสัตว์ทุกชนิด มีการทำงานร่วมกัน ได้แก่ สมอง ไข สันหลัง และอวัยวะรับความรู้สึก สมอง (Brain) แบ่งเป็นส่วนๆได้ดังนี้Forebrain เป็นส่วนสมองที่อยู่ปลายสุดทางหัว ขอบขวา และซ้ายมีก้านแยกไปติดต่อกับจมูก คือ olfactory nerve และส่วนที่ติดกับจมูก เรียก olfactory lobe เป็นบริเวณที่ทำหน้าที่รับความรู้สึกทางรับกลิ่นภายในจมูกTween-brain เป็นส่วนสั้น ๆ ซึ่งอาจจะถูกคลุกด้วย cerebellum ยื่นมาปิดไว้จึงมองไม่เห็นจากด้านหลังซึ่งทำหน้าที่รับความรู้สึกทางแสง pinealorjan จะมีก้านเล็ก ๆ เรียก pinealstalk ซึ่งจะขึ้นไปทาบอยู่บน forebrainMidbrain เป็นก้อนกลมคู่อยู่ถัด tween-brain ลงมาจะเห็นมีเส้นประสารทจากตา
Cerebellum เป็นปลาฉลามหรือปลาดุกมองส่วนนี้เจริญดีมองเห็นเด่นชัด ดูเป็นลอน หรือพูคลุมอยู่อาจคลุมเลยไปข้างหน้าถึง forebrainc และไปทางห่างถึง medull oblonjata หน้าที่ของ jerebellun นั้นเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวMedullaoblonjata อาจเรียกว่า brainsten เป็นที่เกิดของเส้นปรสาทสมองหลายเส้นและเป็นทางเชื่อมต่อของเส้นประสาทจากสันหลังกับประสาทส่วนกลางในการรับรู้ความรู้สึกต่าง ๆ
สมองทางด้านท้องประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1.บริเวณของ fore-brain จะมี neuropore และ terminal nerve
2.optic nerve 2 เส้น ซ้ายและขวา optic chiasma ซึงเป็นบานร่วมของ optic neve ซ้ายขวาอยู่ในยริเวณของ tweenbrain
3.Infundibuium และ inferior lobes อยู่ถัดจาก optic chiasma ลงมา infundibuium จะอยู่ระหว่างกลางของ inferior lobes ซ้ายและขวาซึ่งเป็นส่วนนูนของ 2 ข้าง นอกจากนี้ยังมี pituitary jland เป็นต่อมไม่มีท่อชนิดหนึ่งอยู่ถัด infuntibulum ลงไป pituitarygland นี่จะติดต่อกับถุงบาง ๆ
4.เส้นประสาทสมองคู่ที่ 3 ออกจากสมองใกล้ ๆ กับ pituitary jland และ infundibulum ต่อกัน
5.Medulla oblongata เป็นส่วนกว้างถัดลงมาทางห่าง ทางข้างจะมีส้นประสาทสมองคู่ที่ 5,7 และ 8 มีโคลอยู่ชิดกันเป็นกลุ่มด้านซ้ายและขวา จะเห็นปรากฏอยู่ทางด้านข้าง medulla เป็นคู่ที่เส้นประสาทคู่ที่ 10 มักจะใหญ่อยู่ล่างสุด
เส้นประสาทสมอง มีอยู่ 11 เส้น ดังนี้
Olfactory nerve ออกจากสมองส่วนของ forebrain นำความรู้สึกจากจมูกทางรับกลิ่นมายัง forebrainOptic nerve ออกจากสมองส่วนของ tweenbrain นำความรู้สึกการเห็นด้วยตามายังสมองOculomotor nerve ออกจากสมองด้านท้องใต้ optic lobes และ cerebellum ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อตา 4 มัดTrochlear nerve ออกจากด้านหลังของสมองระหว่าง optic lobes และ cerebellum ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อตาTrigeminal nerve ออกจากด้านข้างของ medulla แล้วแยกเป็น 3 แขนง ไปยังจมูกขากรรไกรบน และขากรรไกรล่างAbducens nerve ออกจากด้านท้องของ medeulla ไปยังกล้ามเนื้อตาเส้น external (posterior) rectusFacial nerve ออกจากสมองติดกับเส้นที่ 5 แยกกเป็น 4 แขนง มีหน้าท่ไปเลี้ยงตอนบนบริเวณรอบ ๆตาAcoustic nerve เป็นเส้นใหญ่สั้นติดอยู่กับ เส้นที่ 5 และเส้นที่ 7 จะไปยังกล่องหูGlossopharyngeal nerve ออกจากด้านข้างของ medulla ถัดคู่ที่ 8 ลงไปแบ่งเป็น 2 แขนงVagus nerve ออกจาก เป็นเส้นใหญ่มีกิ่งแขนงหลายกิ่งไปเลี้ยงขอบเหงือกTerminal nerve เป็นเส้นที่พบกันภายหลัง เส้นนี้อยู่ด้านท้องข้าง
การหมุนเวียนโลหิต (Circulation)การหมุนเวียนขอองโลหิตเป็นไปโดยตามร่างกายของหัวใจ ซึ่งจะสูบฉีดดลหิตไปตามต่อทางเดิน ส่งไปยังส่วนต่าง ๆของร่างกายไปที่เหงือกเพื่อฟอกดลหิตเสียให้เป็นโลหิตดี คือคายคาร์บอนไดออกไซออกไปและรับออกซิเจนจากน้ำที่ผ่านจากเหงือกเข้าไป โลหิตดีมีออกซิเจนก็ไปสู่อวัยวะต่าง ๆเพื่อแจกจ่ายต่อไปหัวใจ ห่อหุ้มด้วยเยื่อ จะทำให้เกิดมีช่องรอบหัวใจ เรียกว่า pericardila cavity ส่วนปะกอบของหัวใจมีดังนี้หัวใจ
1.conus arteriosus เป็นหลอดกลมมีกล้ามเนื้อเป็นผนัง
2.ventricle เป็นถุงมีผนังหนา
3.auricle เป็นถุงใหญ่ห้องเดียวมีผนังบาง
เส้นเลือดดำ (venous system) แบ่งเป็น 3 หมู่
-เส้นเลือดที่นำเลือดเปิดเข้า
-Hepatic portai syster
-Renel portai syster
2.1 เส้นเลือดที่นำเลือดเปิดเข้า sinus venosus
-Hepatic sinuses เป็นถุงใหญ่รับเลือดจากตับเข้าสู่ sinus venosus โดยมีช่องเปิดข้างซ้ายและขวา
-Cuvierian sinuses เป็นเส้นเลือดใหญ่ข้างซ้ายและขวาบริเวณหัว
-Posterior cardinal sinus เป้นเส้นคู่ทอดตามพื้นด้านหลังของช่องท้อง ปลายด้านหัวของ sinus เป็นถุงบางติดอยู่หลัง
อวัยวะภายใน
1.ริมฝีปาก Lip ปลาที่กินอาหารขนาดใหญ่หรือมีฝีปากบาง ปากดูเจะมีลักษณะของฝีปากเป็นเนื้อหนาขึ้นมา ซึ้งอาจเป็นหนังแข็งหรือเหนียว
2.ปาก muoth เป็นช่องเปิดที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่ในการรับอาหาร รับน้ำเพื่อการหายใจ ช่วยเกาะยึก
3.ฟัน tooth มีต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อผิว(ectoderm) ฝังอญู่ลอยๆ ในบริเวณขากรรไกรไม่ใช้ฝังในซอกกระดูกแบบสัตเลี้ยงลูกด้วยนม ฟันปลามีจะมีการหลุดและสามารถเกิดขึ้นใหม่
4.ลิ้น tongue ปลามีลิ้นแต่ยังไมเจริญเนื่องจากไม่ได้ใช้ในการคลุกเค้าอาหาร
5.ช่องคอ pharynx คือส่วนที่ถัดจากปากเข้าไป มีลักษณะเป็นช่องแคบสั้นเหมือนปากกรวยภาคในจะมีเหงือกซึ้งใช้สกัดอาหาร
6.หลอดคอ esophagus อวัยวะที่ต่อลง คือ หลอด มีลักษณะ เป็นหลอดหรือท่อแต่มีขนาดสั้นมาก เนื่องจากปลาไม่มีคอ ทำให้หลอดมีขนาดพอๆ กัยกระเพาะอาหาร
7.หัวใจ heart เป็นก้อนสีแดงเข้ม อยู่บริเวณอกด้านใต้เหงือก
8.ตับ liver จะเป็นพูใหญ่เหลืองเห็นได้ชัดเจน มักจะเหนือหัวใจ แต่คล้อยไปตต
9.ด้านหลังเล็กน้อย
10.ถุงน้ำดี gall bladder เป็นถุงเล็ก รูปร่างกลม มีขนาดเล็กหรือใหญ่สุดแต่ชนิดปลาจะฝังอยุ่ในพู่ของตับมีสีเขียว หรือเขียวอมฟ้าขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของน้ำดี
11.ตับอ่อน pancreas เป็นอวัยวะสีเหลืองอ่อน ปลากระดูกแข็งทั่วไปมักมีตับอ่อนอยู่กระจาย
12.ม้าม spleen มีสีแดงเข้ม มีขนาดเล็กติดอยู่บริเวณกระเพาะอาหารส่วนปลาย มักจะทอดขนานไปด้วยกัน มีหน้าที่สำคัญในการช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
13.กระเพาะอาหาร stomach เป็นอวัยวะค่อนข้างใหญ่เห็นได้ชัดเจน รูปร่างต่างๆ กันไปบริเวณไตตับกระเพาะอาหารเป็นส่วนที่ติดต่อมาจากหลอดคอรูปร่างมีหลายลักษณะอาจเป็นรูปตัว U หรือรูปตัว J หรืออาจเหยียดตรง
14.ลำไส้ intestines ลำไส้แบ่งเป็นส่วนต้น คือลำไส้เล็ก อยู่ต่อจากกระเพาะ อาหารลงมา จะมีหน้าที่ในการย่อยอาหาร ลำไส้ตอนปลายส่วนสุดท้ายที่จะเปิดออกสู่ภายนอกเรียกลำไส้ใหญ่
15.ไส้ติ่ง pyloric caeca อยู่บริเวณส่วนต้นของลำไส้เล็ก เป็นหลอดปลายตันบางครั้ง เรียกว่าไส้ตัน เป็นถุงเล็กๆ มีความยาวต่างกันขึ้นกับชนิดของปลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น